วัดสำราญนิเวศ (พระอารามหลวง)
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก    |  
 
   Main webboard   »   เว็บบอร์ด
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Started by
Topic:   ใครมีข่าวดีทางนี้ๆๆๆ ร่วมด้วยช่วยกันประชาสัมพันธ์หน่อยนะคราบ ^o^   (Read: 25489 times - Reply: 13 comments)   
สามเณรคมเพชร (Admin)

Posts: 4 topics
Joined: 5/10/2552

ใครมีข่าวดีทางนี้ๆๆๆ ร่วมด้วยช่วยกันประชาสัมพันธ์หน่อยนะคราบ ^o^
« Thread Started on 6/4/2554 15:30:00 IP : 182.232.140.215 »
 

ใครมีข่าวดี ข่าวเด็ด เป็ดบอกหวย มาทางนี้คราบๆๆๆๆๆSmiley

ข่าวอะไรดีๆ มาทางนี้ ทางวัดมีอะไรบ้างSmiley

ช่วยๆกานน้า เพราะว่าผู้จัดทำไม่ได้อยู่ที่วัดแล้ว ไม่รู้อารายเลย ช่วยๆกานนะคราบบบบ ขอร้องSmiley

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share

  ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: ใครมีข่าวดีทางนี้ๆๆๆ ร่วมด้วยช่วยกันประชาสัมพันธ์หน่อยนะคราบ ^o^
จำนวนข้อความทั้งหมด:  6
1
แสดงความคิดเห็น
Sunny

Posts: 0 topics
Joined: none

ความคิดเห็นที่ 6  « on 16/11/2556 23:35:00 IP : 87.229.148.174 »     Edit Topic
Re: ใครมีข่าวดีทางนี้ๆๆๆ ร่วมด้วยช่วยกันประชาสัมพันธ์หน่อยนะคราบ ^o^
 
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
Coralee

Posts: 0 topics
Joined: none

ความคิดเห็นที่ 5  « on 15/11/2556 22:56:00 IP : 187.162.110.46 »     Edit Topic
Re: ใครมีข่าวดีทางนี้ๆๆๆ ร่วมด้วยช่วยกันประชาสัมพันธ์หน่อยนะคราบ ^o^
 
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
Nihad

Posts: 0 topics
Joined: none

ความคิดเห็นที่ 4  « on 12/5/2556 12:56:00 IP : 115.156.234.212 »     Edit Topic
Re: ใครมีข่าวดีทางนี้ๆๆๆ ร่วมด้วยช่วยกันประชาสัมพันธ์หน่อยนะคราบ ^o^
 
Please keep trohwing these posts up they help tons.
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
Zaiyah

Posts: 0 topics
Joined: none

ความคิดเห็นที่ 3  « on 19/11/2556 19:05:00 IP : 78.236.220.142 »     Edit Topic
Re: ใครมีข่าวดีทางนี้ๆๆๆ ร่วมด้วยช่วยกันประชาสัมพันธ์หน่อยนะคราบ ^o^
 
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
วชิรานนท์ บุญเย็น

Posts: 0 topics
Joined: none

ความคิดเห็นที่ 2  « on 29/6/2554 11:48:00 IP : 113.53.46.213 »     Edit Topic
Re: ใครมีข่าวดีทางนี้ๆๆๆ ร่วมด้วยช่วยกันประชาสัมพันธ์หน่อยนะคราบ ^o^
 
ไฟล์แนบ ...


   ชีวิต  ผลงาน  คติธรรม  พระมหามังกร   ปัญญาวโร (เจือจันทร์)       พระสุปฏิปันโนผู้อุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาตลอดชีวิต                                           ชาติภูมิ               พระมหามังกร  ปัญญาวโร (เจือจันทร์) เกิดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2494 หมู่บ้านแตล  ตำบลแตล อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ เป็นบุตรของคุณพ่อบุญมี เจือจันทร์คุณแม่บุญเลี้ยง  เจือจันทร์  มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน 1.  นางบุญมา    เจือจันทร์             2.  นายดุสิต      เจือจันทร์             3.   นายสมพร   เจือจันทร์4.   พระมหามังกร  ปัญญาวโร5.   นางปิ่นแก้ว    เจือจันทร์6.   นายทองดี       เจือจันทร์บรรพชา              พระอาจารย์มหามังกร  ปัญญาวโร  บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2506  มีพระครูอรุณธรรมพิพัฒน์  วัดพรมศิลาแตล อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาญัตติเป็นสามเณรธรรมยุต เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2508  มีพระราชสารสุธี (นัด  ทับทอง) เป็นพระอุปัชฌาย์ ณ อุโบสถวัดเลียบ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ได้จำพรรษาอยู่วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานีอุปสมบทพระอาจารย์มหามังกร  ปัญญาวโร อุปสมบทเมื่อ อายุ 21 ปี วันที่ 12 พฤษภาคม 2515 ณวัดนรนาถสุนทริการาม ตำบลวัดสามพระยา  อำเภอพระนคร  กรุงเทพมหานคร โดย มีพระธรรมวราภรณ์(สมเด็จพระมหามุนีวงศ์) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวิชิตศาสนภาร เป็นพระกรรมวาจาจารย์   พระครูปลัดธรรมนีติวัฒน์   เป็นพระอนุสาวนาจารย์   พ.ศ. 2510-2515  จำพรรษา ณวัดนรนาถสุนทริการาม กรุงเทพมหานคร   พ.ศ. 2516-2519  จำพรรษา ณวัดสุปัฏนารามวรวิหาร อุบลราชธานี   พ.ศ. 2520            จำพรรษา ณ วัดนรนาถสุนทริการาม กรุงเทพมหานคร   พ.ศ. 2521-2522   จำพรรษา ณ วัดสัมมาชัญญาวาส มีนบุรี  กรุงเทพมหานคร   พ.ศ. 2523             จำพรรษา ณ วัดสิริกมลาวาส  กรุงเทพมหานคร   พ.ศ. 2524-2528    จำพรรษา ณ วัดสุปัฏนารามวรวิหาร อุบลราชธานี   พ.ศ. 2529-2531    จำพรรษา ณ วัดป่าพระพิฆเณศวร์ บ้านปากน้ำ ตำบลกุดลาด                       อุบลราชธานี   พ.ศ.2532              จำพรรษา ณ วัดอ่าวหมู  จันทบุรี   พ.ศ. 2533-2542    จำพรรษา ณ วัดภูหินดัง  อุดรธานี   พ.ศ.2543              จำพรรษา ณ วัดวรรณวราราม สุรินทร์   พ.ศ. 2544-2547    จำพรรษา ณ วัดภูหินดัง อุดรธานีวิทยฐานะ        1. พ.ศ. 2506        สำเร็จชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านแตล อำเภอศีขรภูมิ                          จังหวัดสุรินทร์        2. พ.ศ. 2509        สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนวัดสุปัฏนาราวรวิหาร                         อำเภอเมือง  จังหวัดอุบลราชธานี        3.พ.ศ. 2517         สอบไล่ได้ ป.ธ.5 สำนักเรียนเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี        4.                          การศึกษาพิเศษ เก่งด้านภาษาอังกฤษ        5. ความชำนาญ เป็นพระธรรมกถึก/นวกรรม งานด้านการศึกษา           พ.ศ. 2514         เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม แผนกนักธรรมบาลี ประจำสำนัก                        เรียนวัดนรนาถสุนทริการาม กรุงเทพมหานคร           พ.ศ.2514          เป็นเลขาการศูนย์อบรมศีลธรรมและวัฒนธรรม           พ.ศ.2516          เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมแผนกนักธรรมบาลี วัดสุปัฏนาราม                        วรวิหาร           พ.ศ.2516          เป็นหัวหน้าคณะวิทยากรประจำศูนย์พุทธเยาวชน ยุวพุทธิก                        สมาคม อุบลราชธานีงานด้านการปกครอง-          เป็นเลขานุการเจ้าคณะภาค 8 (ธรรมยุต)-          เป็นเลขานุการศูนย์อบรมศีลธรรมและวัฒนธรรม วัดนรนาถสุนทริการาม-          เป็นเลขานุการ เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี (ธรรมยุต)-          เป็นเลขานุการเจ้าสำนักเรียนวัดสุปัฏนารามวรวิหาร อุบลราชธานี-          เป็นพระปริยัตินิเทศประจำจังหวัดอุบลราชธานี-          เป็นหัวหน้าคณะวิทยากรประจำศูนย์พุทธเยาวชน ยุวพุทธิกสมาคมอุบลราชธานี-          เป็นกรรมการตรวจธรรมสนามหลวง ผลงานทางการศึกษา/ อบรมลูกศิษย์  อาทิ  - พระวิชัยมุนี เจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ (ธรรมยุต) วัดสำราญนิเวศน์ ตำบล     บุ่ง   จังหวัดอำนาจเจริญ  -พระครูบุญสถิตย์ เจ้าคณะอำเภอคำชะอี (ธรรมยุต) อำเภอนิคมคำสร้อย    จังหวัดมุกดาหาร     -  พระมหาเสริม  ฉินนาลโย ป.ธ.3  เจ้าอาวาสวัดภูหินดัง ตำบลกลางใหญ่ อำเภอ           บ้านผือ อุดรธานี  -   ผศ.พระครูสุนทรธรรมโสภณ  คณาจารย์มหามกุฎราชวิทยาลัย วิทยาเขตสิรินธร       อำเภอสามพราน  จังหวัดนครปฐม  -   พระมหา ดร.สมนึก  กัมพุวัณโณ  ปธ.9  ปริญญาเอก   คณาจารย์   มหามกุฎราช      วิทยาลัย วิทยาเขตวังน้อย  อำเภอวังน้อย  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  - พระมหาไพบูลย์ ธัมมวิปุโล ป.ธ.3  เจ้าอาวาสวัดเกาะแก้วภูซาง ตำบลบุญทัน        อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู  -  พระมหาปรมัตถพล  สารทโร ป.ธ.3 เจ้าอาวาสวัดภุมดง่าม ตำบลช่องเม็ก อำเภอ        สิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี    -  พระครูสุวัฒนธีรคุณ (เทอด   วงศ์ชะอุ่ม) ป.ธ.6  ปริญญาโท ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด        สระเกศวรมหาวิหาร   - พระมหาดุสิต  ญาณภูสิโต  ป.ธ.9  ปริญญาโท  ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง         กรุงเทพมหานคร-     พ.ต.ท. ไมตรี  ตุ้มอ่อน (สบ.3) สภ.ผักให่  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา-     วชิรานนท์ บุญเย็น    สภ.ตาลสุม  จังหวัดอุบลราชธานี-     ด.ต. ณัฐวิทย์     บุญเติม    สน. บางพลัด กรุงเทพมหานคร-     อาจารย์อาราธีก์    รักษาวงศ์   โรงเรียนโนนก่อ อำเภอสิรินธร จังหวัด    อุบลราชธานี-     อาจารย์ประดิษฐ์   ประสานพิมพ์  และบรรดาศิษย์จำนวนมากที่ไม่ได้แจ้ง งานด้านการเผยแผ่ --เป็นวิทยากรอบรมศีลธรรมและวัฒนธรรมประจำศูนย์ฯวัดนรนาถสุนทริกา   ราม กรุงเทพมหานคร-          เป็นพระปริยัตินิเทศก์ ประจำจังหวัดอุบลราชธานี-          เป็นหัวหน้าคณะวิทยากรประจำศูนย์พุทธเยาวชน ยุวพุทธิกสมาคม อุบลราชธานี-          เป็นวิทยากรอบรมคุณธรรม จริยธรรมในสถานศึกษาต่างๆในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ-          อบรมศีลธรรม และวัฒนธรรมแก่ประชาชนทั่วไป-           เผยแพร่ธรรมะทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์ เช่น รายการหาแก่นธรรม-          ประพันธ์หนังสือธรรมะ เรื่อง  มองแม่  การฝึกสมาธิ  ทางแห่งความดี-          เป็นพระนักเทศน์ และนักปฏิบัติที่มีชื่อเสียงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   งานสาธารณูปการ     พ.ศ. 2535   เป็นผู้นำญาติโยมสร้างน้ำประปา บาดาลขนาดใหญ่  ที่วัดบ้านเตาไห ตำบลศรีฐาน อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร ให้ประปาบริการชุมชน 2 หมู่บ้าน จำนวน 442 ครอบครัว สิ้นงบประมาณ 3,000,000 ล้านบาท     พ.ศ.2537   เป็นผู้นำญาติโยมสร้างน้ำประปาขนาดใหญ่ ที่วัดพรมศิลาแตล บ้านแตล ตำบลแตล อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ให้บริการชุมชน 4 หมู่บ้าน จำนวน 496 ครอบครัว สิ้นงบประมาณ 1,246,200 ล้านบาท        -   สร้างประปาให้โรงเรียนไพษร บ้านสำโรง ตำบลขวาวใหญ่ อำเภอศีขรภูมิ             จังหวัดสุรินทร์ พร้อมพระพุทธรูปประจำห้องเรียน สิ้นงบประมาณ         70,000 บาท    มอบทุนการศึกษาโรงเรียนบ้านแตล  37,000 บาท      -  เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งกลุ่มฌาปนกิจศพบ้านแตล บ้านเกิดของท่าน     -  เป็นผุ้พาญาติโยมสร้างวัดป่าบ้านฟองใต้ ตำบลวังกวาง อำเภอน้ำหนาว        จังหวัดเพชรบูรณ์ สิ้นงบประมาณ 1,486,652 ล้านบาท                พระผู้จุดประกายอุดมการณ์สำนักเรียนบาลีของท่านเจ้าคุณ  พระมงคลธรรมวัฒน์     วัดปากน้ำ ท่านเจ้าคุณพระมงคลธรรมวัฒน์ สมัยมีสมศักดิ์พระครูพัฒนกิจวิมล มีความตั้งใจที่จะให้มีการจัดตั้งโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีขึ้นในวัดปากน้ำ (หลวงพ่อเงิน) หลังจากที่ท่านมีความพยายามส่งเสริมลูกศิษย์ไปศึกษาเล่าเรียนตามสำนักเรียนบาลีต่างๆ ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร และในจังหวัดต่างๆรวมทั้งจังหวัดอุบลราชธานี      เพื่อที่จะให้ลูกศิษย์ที่สอบได้เปรียญแล้วกลับมาเป็นครูสอนในอนาคต  พระมงคลธรรมวัฒน์ได้พาลูกศิษย์สามเณรไปฝากไว้กับ    พระอาจารย์มหามังกร ปัญญาวโร    ที่จำพรรษาที่วัดสุปัฏนารามวรวิหาร   ในปีพ.ศ.2525    ระยะแรก  2 รูป    คือ   สามเณรณัฐวิทย์   (เสถียร)  บุญเติม      สามเณรวชิรานนท์  (ไพฑูรย์)  บุญเย็น        ( จริงๆแล้วพระมงคลธรรมวัฒน์ กับพระอาจารย์มหามังกร ปัญญาวโร ท่านรู้จักกันมาหลายปีแล้ว สมัยที่มหาพิสัณห์  ทองไทยชาวบ้านกุดลาดเป็นอาจารย์ที่วัดนรนาถสุนทริการาม ท่านได้มีโอกาสติดตามมหาพิสัณห์ มาบ้านปากน้ำบ่อยครั้ง) หลังจากนั้นศิษย์ทั้งสองไม่ทำให้ท่านเจ้าคุณผิดหวังสอบได้เปรียญ 2-3 ได้ ท่านเจ้าคุณได้ปรารภต่อหน้าพระอาจารย์มหามังกรอยู่เป็นประจำในเรื่องการตั้งโรงเรียนแผนกบาลี   แต่ขาดครูผู้สอน   ในช่วงที่พระอาจารย์มหามังกร ปัญญาวโร จำพรรษาที่วัดสุปัฏนารามวรวิหารนั้น ทำให้สำนักเรียนมีชื่อเสียงบรรดาลูกศิษย์สอบได้เป็นจำนวนมากหลังจากที่ไม่ปรากฏมาหลายปี ระยะปีพ.ศ.2527-2528 ทางวัดปากน้ำก็มีการเรียนการสอนบาลีไวยากรณ์ และประโยค 1-2 เมื่อใกล้จะสอบ ท่านเจ้าคุณจะส่งลูกศิษย์ทุกคนไปอบรมเข้มที่วัดสุปัฏนารามวรวิหาร จนเมื่อปีพ.ศ. 2529 พระอาจารย์มหามังกร  ปัญญาวโร จึงได้ตกลงออกไปจำพรรษา ที่วัดป่าพระพิฆเณศวร์ บ้านปากน้ำ ได้วางแนวทางการตั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีอย่างเป็นทางการ      และเป็นครูผู้สอนนักธรรม บาลีด้วย ท่านเจ้าคุณได้เปิดรับสามเณรจากที่อื่นมาศึกษาเล่าเรียนเป็นจำนวนมาก สำนักเรียนบาลีของวัดบ้านปากน้ำปรากฏมีการสอบเลื่อนชั้นเปรียญธรรมได้เป็นจำนวนมากจากอดีตจนถึงปัจจุบัน          นอกจากจะเป็นกำลังหลักในการวางแผนการเรียนการสอบอย่างเป็นระบบแล้วพระอาจารย์มหามังกร ฯ ท่านยังได้ช่วยท่านเจ้าคุณพัฒนาวัดวาอาราม จัดกิจกรรมปฏิบัติธรรมดึงชาวบ้านเข้าวัด ส่งเสริมเยาวชนให้สนใจธรรมมากขึ้น ได้ก่อตั้งกลุ่มเยาวชนของหมุ่บ้าน ก่อตั้งกลุ่มสาภัญญะ จัดกิจกรรมทำบุญนอกสถานที่     จนทำให้ชาวบ้านปากน้ำมีความสุข ทุกกิจกรรมและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พระอาจารย์มหามังกร จำพรรษาที่วัดป่าพระพิฆเณศวร์ แต่ปี 2527-2531 นอกจากท่านจะทุ่มเทกับภารกิจของสงฆ์ทั้งปวงแล้วท่านได้เข้าสู่เป็นพระนักปฏิบัติอย่างจริงจัง      ก่อนที่ท่านจะย้ายไปจำพรรษาที่วัดภูหินดังอุดรธานี เหล่าดวงวิญญาณ ทวยเทพ ที่อยู่วัดป่าได้ปรากฏกายในนิมิตรอ้อนวอนไม่ให้ท่านไปจำพรรษาที่อื่นเนื่องจากท่านได้จัดปฏิบัติธรรมอยู่บ่อยครั้งเหล่าดวงวิญญาณ เทวดา อสูร คนธรรพ์ได้รับส่วนบุญกุศลที่ผู้คนปฏิบัติธรรมได้แผ่ส่วนบุญกุศลให้ บางวิญญาณได้ไปผุดไปเกิด ท่านก็ได้บอกเขาไปว่าไม่ได้เพราะได้รับขันธ์นิมนต์ไว้แล้ว  หลังจากทราบจากคำพูดท่านแล้วญาณเหล่านั้นก็ได้พากันก้มลงกราบและขอลากลับไป คติธรรม              ปณิธานแห่งชีวิตพระมหามังกร  ปัญญาวโร                          ข้าจะยิ้มแย้มแจ่มใส                ข้าจะให้อภัยแก่ทุกผู้             ข้าจะทำดีแม้มีศรัตรู                ข้าจะอยู่ด้วยเมตตากรุณา             ข้าจะรักทุกคน                        ข้าจะไม่ดิ้นรนด้วยตัณหา             ข้าจะทำพูดคิดด้วยเมตตา       ข้าจะสร้างปัญญาให้กล้าคม   คนดี  3 ระดับ                1. คนดีอย่างสามัญ ได้แก่คนที่ประพฤติถูกต้องตามหน้าที่ของตน คนเช่นนี้ย่อมได้รับความนับถือ                2. คนดีระดับกลาง คือคนสำรวมอินทรีย์ อยู่ในศีล คนเช่นนี้ย่อมได้ รักความเคารพ                3. คนดีระดับสูงได้แก่ คนที่ปฏิบัติเพื่อขัดเกลากิเลส ออกจากตนตามหลักของกรรมฐาน(สมาธิ, วิปัสสนา) คนเช่นนี้ ย่อมได้รับการบูชาสักการะ แม้ตายแล้วยังบูชาบริขารและอัฐิ      ความหมายคำว่าครู อาจารย์ ผู้สอน        -  ครูคือแม่พิพม์ของชาติ(รูปลักษณ์และทิศทางของชาติ)        -  ครูคือผู้ผลิตทรัพยากรบุคคล แก่แผ่นดิน ต้องผลิตให้พอ มีฝีมือประณีต         (ทรัพยากรบุคคล คืออะไหล่ที่สำคัญของชาติ)      -  ครูคือปูชนียบุคคล(เขาเคารพคุณงามความดี)         - ครูคือครุฏฐานียบุคคล(มีบุญมีคุณแก่คนมาก)         - ครูคือผู้ให้ตา ที่กว้างไกลทันโลก ทันการณ์แก่เรา         - ครูคือผู้ให้อาชีพการงาน ฐานะ ยศตำแหน่ง เกีรยติ ศักดิ์ศรี ความ       สะดวกสบายแก่สังคม      - ครูคือส่วนหนึ่งแห่งความดี ความเจริญรุ่งเรือง ของคนและสังคม          -ครูคือผู้สร้างจิตวิญญาณของชาติบ้านเมือง หากจิตวิญญาณของคนใน       ชาติตกต่ำ ความวิบัติหายนะมากมายจะเกิดขึ้น       - ครูคือสมองของชาติบ้านเมือง(ความคิดอ่านของคนในชาติ)           -ครูคืออวัยวะของชาติบ้านเมือง(ความก้าวหน้าของชาติ)           -ครูคือDriverของชาติบ้านเมือง           -ครูคือผู้กำหนดชะตาและอนาคตบ้านเมือง           -ครูคือเข็มทิศและแผนที่ของชาติบ้านเมือง         สมาธิ  คือ    เส้นทางที่พระพุทธเจ้า และบรรดาพระอรหันต์                            ตลอดทั้งพระสุปฏิปันโนทั้งหลายใช้ดำเนิน      พระอาจารย์มหามังกร  ปัญญาวโร     มรณภาพ     วันที่ 3 มิถุนายน 2548 มีพระราชทานเพลิงศพ(เป็นกรณีพิเศษ) ณ เมรุพิเศษ วัดสุปัฏนารามวรวิหาร อำเภอ เมือง  จังหวัดอุบลราชธานี  วันที่ 2 กรกฎาคม 2548      (อายุ 54 ปี)     - พระพรหมเมธี    เลขาธิการคณะธรรมยุตและกรรมการมหาเถระสมาคม      เป็นประธานฝ่ายสงฆ์      - พลตำรวจเอก ชิดชัย  วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ         กระทรวงมหาดไทย   เป็นประธานฝ่ายฆราวาส บรรดาลูกศิษย์ได้จัดสร้างรูปเหมือนพระอาจารย์มหามังกร ปัญญาวโรเพื่อให้ลูกศิษย์ได้รำลึก กราบไว้บูชาคุณงามความดีของท่านจุดที่ 1 วัดป่าพระพิฆเณศวร์ บ้านปากน้ำ ต.กุดลาด อ.เมือง จ.อุบลฯ         นายบัวผัน  สุขนิจ นายกอบต.กุดลาด ร่วมกับชาวบ้านปากน้ำ      บริจาคสร้างขึ้นจุดที่ 2 วัดพรมศิลาแตล ต.แตล  อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์จุดที่ 3 วัดภูหินดัง  ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี วชิรานนท์  บุญเย็น / ดีเจ บ่าวนนท์  คนมักจ่ม      เรียบเรียง( 3 ต.ค.53)       
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
วชิรานนท์ บุญเย็น

Posts: 0 topics
Joined: none

ความคิดเห็นที่ 1  « on 5/6/2554 21:00:00 IP : 113.53.40.199 »     Edit Topic
Re: ใครมีข่าวดีทางนี้ๆๆๆ ร่วมด้วยช่วยกันประชาสัมพันธ์หน่อยนะคราบ ^o^
 
 

                                หนังสือพิมพ์ประชารัฐ แนวหน้าในภาคอีสาน

                              ปีที่ 14 ฉบับที่161 ประจำเดือนพฤษภาคม 2554

 สกู๊ปพิเศษ   ย้อนรอยภาคอีสาน   โดย วชิรานนท์  บุญเย็น   (ดีเจบ่าวนนท์ คนมักจ่ม)                                                                       จังหวัดอำนาจเจริญ                               สวัสดีครับท่านผู้อ่านฉบับนี้ขอนำเรียนความเป็นมาของจังหวัดอำนาจเจริญซึ่งเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่ได้แยกออกมาจากจังหวัดอุบลราชธานี ย้อนรอยไปในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 สมัยพระพรหมวรราชสุริยวงษ์(ทิตพรหม)เจ้าเมืองอุบลราชธานีคนที่ 2  ท่านอุปฮาด(ก่ำ) บุตรพระวอ ได้อพยพครอบครัวไปตั้งหมู่บ้านโคกกงพะเนียงแล้วมีหนังสือผ่านเจ้าเมืองอุบลราชธานีขอพระบรมราชานุญาตตั้งขึ้นเป็นเมือง                               ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งบ้านโคกกงพะเนียงเป็นเมืองเขมราษฎร์ธานีโปรดเกล้าฯตั้งอุปฮาดก่ำ เป็นพระเทพวงศา   เจ้าเมืองคนแรกใน  ปีพ..2357ขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร พระเทพวงศามีบุตร 3 คน คือ ท้าวบุญจันทร์ ท้าวบุญเฮ้าและท้าวแดง ประมาณปีพ.. 2369 พระเทพวงศาถูกกองทัพเวียงจันทน์เจ้าอนุวงศ์ฆ่าตายท้าวบุญจันทร์ขึ้นเป็นเจ้าเมืองแทนบิดาต่อมาพระเทพวงศา(บุญจันทร์) ถึงแก่กรรมท้าวบุญเฮ้าขึ้นเป็นเจ้าเมืองแทนพี่ชาย พระเทพวงศา(บุญเฮ้า)มีบุตร 2 คน คือท้าวบุญสิงห์และท้าวบุญชัย เมื่อพระเทพวงศาถึงแก่กรรม ท้าวบุญสิงห์ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นเจ้าเมืองต่อมา พระเทพวงศา(บุญสิงห์) มีบุตร 2 คน คือ ท้าวจันทบุฮมหรือจันทบุรม(เสือ) และท้าวพ่วย                               ครั้นต่อมาพระเทพวงศา(บุญสิงห์)เห็นว่าบ้านค้อใหญ่เป็นพื้นที่เหมาะสมขอตั้งเป็นเมืองจึงมีหนังสือบอกกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่4 ต่อมาทรงโปรดเกล้าฯยกบ้านค้อใหญ่ขึ้นเป็นเมืองอำนาจเจริญ ตั้งท้าวจันทบุฮมหรือจันทบุรม(เสือ)ขึ้นเป็นพระอมรอำนาจ(ต้นตระกูลอมรสิน) ท้าวบุตเป็นอุปฮาด ท้าวสีหาราชเป็นราชวงศ์ ท้าวสุริโยเป็นราชบุตร ขึ้นตรงต่อเมืองเขมราษฏร์ธานีในพ..2410                               ต่อมาในสมัยรัชกาลที่5 เมื่อ พ.ศ. 2436 (ร.ศ.112) ประเทศสยามต้องเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้กับฝรั่งเศส( คือประเทศลาวในปัจจุบัน)จึงมีการปฏิรูปหัวเมืองที่เรียกว่าเทศาภิบาล แบ่งมณฑลออกเป็น 3 มณฑล 1.      มณฑลลาวกาว ตั้งอยู่ที่เมืองอุบลราชธานี มีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ เป็นข้าหลวงต่างพระองค์ สำเร็จราชการมณฑล มีอำนาจปกครอง อุบลราชธานี จำปาศักดิ์ ขุขันธ์  สังขะ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ยโสธร กาฬสินธุ์  กมลาสัย  เขมราฐ เดชอุดม  ร้อยเอ็ด  มหาสารคาม2.       มณฑลลาวพวน กองบัญชาการตั้งอยู่บ้านหมากแข้ง มีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ข้าหลวงต่างพระองค์สำเร็จราชการมณฑล มีอำนาจปกครอง เมืองหนองคาย  หล่มสัก ไชยบุรี ท่าอุเทน นครพนม มุกดาหาร หนองหาน  สกลนคร กมุทาสัย (หนองบัวลำภู) โพนพิสัย  ขอนแก่น3.      มลฑลลาวกลาง ตั้งกองบัญชาการอยู่ เมืองนครราชสีมา มีพระยาสิงหเสนี (สะอาด  สิงหเสนี) เป็นข้าหลวงใหญ่สำเร็จราชการ มีอำนาจปกครอง ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ นางรอง  ในพ.. 2441 ทรงประกาศ   ...ลักษณะปกครองท้องที่ หรือ ร..117 ยกเลิก ตำแหน่งอาญาสี่ เจ้าเมือง อุปฮาด ราชวงศ์ ราชบุตร และอื่นๆ มาเป็นระบบเทศาภิบาล ตำแหน่งผู้ว่าราชการเมือง  ปลัดเมือง  ยกกระบัตรเมือง และผู้ช่วยราชการเมือง มหาดไทยเมือง  คลังเมือง โยธาเมือง นครบาลเมือง ศาลเมืองและอื่นๆให้เหมือนกันหมดทั่วราชอาณาจักร และได้รับพระราชทานเงินเดือนประจำตำแหน่ง                              หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบบเทศาภิบาลแล้วต่อมาก็ได้เปลี่ยนชื่อเรียกมณฑลลาวกาวเป็นมณฑลตะวันออกเฉียงเหนือ   มณฑลลาวพวน  เป็นมณฑลฝ่ายเหนือ   มณฑลลาวกลางเป็น มณฑลนครราชสีมา   ตามประกาศลงวันที่ 5 มิถุนายน พ..2442    (ราชกิจจานุเบกษา ร.ศ.118)     และประกาศเปลี่ยนมณฑลตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นมณฑลอีสาน  มณฑลฝ่ายเหนือ  เป็นมณฑลอุดร ตามประกาศลงวันที่ 23 มกราคม พ..2443 (ราชกิจจานุเบกษา ร.ศ.119)  อีกครั้ง      มณฑลอีสานได้ถูกแบ่งออกเป็น 4  บริเวณ    อุบลราชธานี   ขุขันธ์   สุรินทร์    และร้อยเอ็ด                                  ส่วนบริเวณอุบลราชธานีมี 3 เมือง เมืองอุบลราชธานี เมืองเขมราฐ และเมืองยโสธร    พระอมรอำนาจ(ท้าวพระศรี) เจ้าเมืองอำนาจเจริญซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนตำแหน่งจากเจ้าเมืองอำนาจเจริญ เป็นผู้ว่าราชการเมืองอำนาจเจริญซึ่งถือว่าเป็นคนแรก ต่อมาทางการมีการประกาศ ยุบเมืองอำนาจเจริญลงเป็นอำเภอ สำหรับในพ..2449 นี้ปรากฏว่า มี หลวงธรรโมภาศพัฒนาเดช(ทอง) เป็นนายอำเภออำนาจเจริญขึ้นตรงต่อ พระเขมรัฐเดชประชารักษ์(เหลือ) ผู้ว่าราชการเมืองเขมราฐ                                 ประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ.2450  ร.ศ.126 ให้ยุบเลิก บริเวณ ลงเป็นเมืองทั้งหมด  การปกครองส่วนภูมิภาค จึงแบ่งเป็นมณฑล  เมืองและอำเภอ (ราชกิจจานุเบกษา ร.ศ.126)   ต่อมามีการยุบเมืองเขมราฐลงเป็นอำเภอขึ้นตรงต่อเมืองยโสธร ในปี พ..2452    อำเภออำนาจเจริญมี ราชวงศ์(ซาว)เป็นนายอำเภอสมัยนั้น ก็ขึ้นตรงต่อเมืองยโสธรด้วย                                เมื่อพ.ศ..2454  ทางการได้แบ่งมณฑลอีสานออกเป็น 2 มณฑล  คือมณฑลอุบล มี 3 เมือง คือ เมืองอุบลราชธานี  เมืองขุขันธ์  เมืองสุรินทร์  มณฑลร้อยเอ็ด มี 3 เมือง คือเมืองร้อยเอ็ด  เมืองมหาสารคาม เมืองกาฬสินธุ์ ( เอกสาร ร.6 ม3. 2/7 ร.ศ.130 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ)                                พ.ศ.2459      ประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 24  เมษายน 2459  ให้เปลี่ยนคำว่า    เมือง   เป็น   จังหวัด    พร้อมกันหมดทั่วประเทศ และเปลี่ยนคำว่า  ผู้ว่าราชการเมือง   เป็น  ผู้ว่าราชการจังหวัด     (ราชกิจจานุเบกษา 2459 ) อำเภออำนาจเจริญไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากไม่อยู่ในข่ายตำแหน่งผู้ว่าราชการเมือง                                  อำเภออำนาจเจริญเปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอบุ่ง เมื่อ 24 เมษายน 2460 สมัยรัชกาลที่ 6     ย้ายจากบ้านค้อใหญ่   (ลืออำนาจเดิม   มาตั้งที่ตำบลบุ่งปัจจุบัน)                              พ.ศ.2465   ทางการประกาศให้รวมมณฑลอุบล มณฑลร้อยเอ็ด และมณฑลอุดร ตั้งขึ้นเป็น ภาคอีสาน  ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2465  ให้มีอุปราชประจำภาคอีสาน คือ พระยาราชนิกุลวิบูลยภักดี (อวบ  เปาวโรหิต )  ภายหลังเลื่อนขึ้นเป็นเจ้าพระยามุขมนตรี ดำรงตำแหน่ง อุปราชภาคอีสาน ขึ้นตรงต่อ องค์พระมหากษัตริย์  ตั้งกองบัญชาการที่เมือง อุดรธานี อุปราชมีอำนาจปกครองเหนือข้าราชการพลเรือนทั้งปวงที่ประจำอยู่ในภาคนั้นๆ นอกจากภาคอีสานแล้ว ยังมีภาคพายัพ(เหนือ) และภาคทักษิณ(ใต้)  (ราชกิจจานุเบกษา 2465)                              พ.ศ. 2468 ในสมัยรัชกาลที่ 7      ทางการได้ประกาศยุบภาค คงมีแต่มณฑล จังหวัด และอำเภอ (ราชกิจจานุเบกษา 2468)     จนกระทั่งถึงพ.ศ. 2476 จึงได้ประกาศยุบมณฑล คงเหลือ จังหวัด อำเภอ  ตำบลและหมู่บ้าน                             เมื่อ พ.ศ.2482      ทางการเปลี่ยนอำเภอบุ่งเป็นอำนาจเจริญอีกครั้งจนมาถึงปีพ.. 2536 มี พ...ตั้งจังหวัดอำนาจเจริญลง 27 สิงหาคม 2536  แยก อำเภอเมืองอำนาจเจริญ อ.ชานุมาน อ.ปทุมราชวงศา อ.พนา อ.เสนางคนิคม อ.หัวตะพาน กิ่ง อ.ลืออำนาจ จากจังหวัดอุบลราชธานี ตั้งเป็นจังหวัดอำนาจเจริญ มีผล 1 ธันวาคม 2536    **  สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสาน เล่มที่ 1-15  **                                               ข้อมูลอาจจะไม่สมบูรณ์หรือครบถ้วน ยินดีรับคำติชมได้ที่.......... 

wachiranon@paknamubonclub.com or

 paknam 94.com คลื่นแม่มูล 94.10 Mhz รับฟังออนไลน์ทั่วโลก 
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
 
1
Reply topic :: แสดงความคิดเห็น
ชื่อผู้โพสต์:  เช่น John
ภาพไอคอน:
icon
แปะรูป:
 
รายละเอียด:
Emotion:




Security Code:
Verify Code 
 
   Bookmark and Share
   Main webboard   »   เว็บบอร์ด
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 274,300 Today: 3 PageView/Month: 106

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...