คอลัมน์หนังสือพิมพ์ประชารัฐ หนังสือพิมพ์แนวหน้าในภาคอีสาน
ประจำเดือน กันยายน พ.ศ. 2554
สกู๊ปพิเศษ ย้อนรอยภาคอีสาน โดย วชิรานนท์ บุญเย็น (ดีเจบ่าวนนท์ คนมักจ่ม)
จังหวัดมหาสารคาม
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระยากำแหงสงคราม(แก้ว)เจ้าเมืองนครราชสีมา(ภายหลังเป็นเจ้าพระยายมราช)เป็นข้าหลวงแม่กองสัก ออกไปสักเลกหัวเมืองตะวันออกที่เมืองยโสธรเมื่อปี 2402 กรมการเมืองร้อยเอ็ด
ได้นำตัวเลขไปสักจำนวน13000 คนเศษ พระขัตติยวงศา(จันทร์)เจ้าเมืองเห็นว่าพลเมืองร้อยเอ็ดมีมากขึ้นได้ปรึกษากรมการเมืองแล้ว
มอบหมายให้ ท้าวมหาชัย (กวด)และท้าวพานทองพี่น้องที่มีความชอบในราชการ ออกไปสำรวจพื้นที่ต่างๆแล้วเห็นว่าบ้านลาดกุดนางใย เป็นพื้นที่เหมาะจะตั้งเป็นเมือง ต่อมาพระขัตติยวงศา(จันทร์) ทำหนังสือใบบอกลงไปทูลเกล้าฯครั้นต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2408 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯตั้งบ้านลาดกุดนางใย ขึ้นเป็นเมืองมหาสารคาม ตั้งท้าวมหาชัยเป็นพระเจริญราชเดช เจ้าเมือง ตั้งท้าวพานทองเป็นอุปฮาด ทั้งท้าวไชยวงศา(ฮึง)บุตรพระยาขัตติยวงศา(สีลัง)เป็นราชวงศ์ ตั้งท้าวเถื่อน บุตรขัตติยวงศา(จันทร์)เป็นราชบุตร
ระยะเริ่มแรกการสร้างเมืองได้ก่อสร้างวัดดอนเมืองหรือชาวบ้านเรียกวัดข้าวฮ่าวและวัดธัญญาวาสในปัจจุบัน และได้นิมนต์สมภารวัดแห่งหนึ่งในเมืองยโสธรมาเป็นเจ้าอาวาส ในปีพ.ศ.2412ทรงโปรดเกล้าฯแยกเมืองมหาสารคามจากเมืองร้อยเอ็ดขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร ในปีพ.ศ.2415เป็นช่วงที่พวกฮ่อยกทัพมาตีเวียงจันทน์และหนองคาย พระยามหาอำมาตย์(ชื่น) เป็นแม่ทัพใหญ่สั่งให้พระเจริญราชเดช เกณฑ์กำลังไปสมทบเจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงศ์ เจ้าเมืองอุบลราชธานี และพระยาชัยสุนทร(หนู)เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ ให้ราชบุตร(เสือ)เมืองร้อยเอ็ดเป็นนายกองผู้ช่วยพระเจริญราชเดช ทัพใหญ่พระยามหาอำมาตย์(ชื่น)สามารถปราบฮ่อได้สำเร็จ
พระเจริญราชเดชได้ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อ พ.ศ.2422 และทรงโปรดเกล้าฯตั้งอุปฮาดฮึง เป็นพระเจริญราชเดช เจ้าเมืองคนที่2 ในยามนี้เมืองมหาสารคาม เมืองร้อยเอ็ด เมืองกาฬสินธุ์ขึ้นอยู่ในปกครองเมืองอุบลราชธานี จนเมื่อปี พ.ศ.2435 โปรดเกล้าฯให้ รองชิต(พ.ศ.2436เลื่อนขึ้นเป็นจมื่นศรีบริรักษ์) มากำกับเมืองมหาสารคาม และเมืองร้อยเอ็ดเป็นครั้งแรก ส่วนในปีพ.ศ.2437 กรมหลวงพิชิตปรีชากรข้าหลวงใหญ่ประทับที่เมืองอุบลราชธานี โปรดให้พระสิทธิศักดิ์สมุทรเขต(บุษย์) และให้พระณรงคิ์วิชิตมากำกับราชการตามลำดับ ครั้นพ.ศ.2440 ทรงโปรดเกล้าฯให้ตราพระราชบัญญัติปกครองท้องที่และปีพ.ศ.2443 แบ่งหัวเมืองมณฑลอีสานออกเป็น 5 บริเวณ 1. บริเวณอุบล
2.บริเวณจำปาศักดิ์ (ถูกฝรั่งเศสยึดครอง) 3.บริเวณขุขันธ์ 4. บริเวณสุรินทร์ 5. บริเวณร้อยเอ็ด สำหรับบริเวณร้อยเอ็ดมี 5 เมือง 1. เมืองร้อยเอ็ด . เมืองมหาสารคาม 3. เมืองกาฬสินธ์(ยุบลงเป็นอำเภอขึ้นกับจังหวัดมหาสารคามเมื่อปีพ.ศ.2476 และกลับมาตั้งเป็นจังหวัดกาฬสินธุ์อีกปี พ.ศ.2490) 4. เมืองกมลาสัย 5. เมืองสุวรรณภูมิ
สำหรับในปีพ.ศ. 2443 แบ่งออกเป็น 1. อำเภออุทัยสารคาม 2. อำเภอประจิมสารคาม ในปีนี้ผู้ว่าราชการเมืองถึงแก่อนิจกรรม พระพิทักษ์นรากร(อุ่น ภวภูตานนท์) ข้าหลวงเมืองมหาสารคาม ได้ทำการแทนผู้ว่าราชการเมืองอีกตำแหน่งในปี พ.ศ.2444 มีอำเภอเพิ่มขึ้นเป็น 2 อำเภอคือวาปีปทุมและโกสุมพิสัย
ก้าวล่วงปีพ.ศ.2446 ทรงโปรดเกล้าฯยุบตำแหน่งข้าหลวงกำกับราชการเมืองทั่วไป พระพิทักษ์นรากร จึงได้เป็นผู้ว่าราชการเมืองสารคามจนถึงปี พ.ศ.2455และได้โปรดเกล้าฯให้ออกจากผู้ว่าราชการเมืองแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาราชการทั่วไป ทางราชการแต่งตั้งหม่อมเจ้านพมาศ นวรัตน์มาดำรงตำแหน่งปลัดมณฑลและต่อมามีการยกเลิกตำแหน่ง หม่อมเจ้านพมาศ นวรัตน์จึงได้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามคนแรก(2455-2459)
ในพ.ศ.2456 มีการจัดตั้งมณฑลร้อยเอ็ด โอนเมืองมหาสารคามและเมืองกาฬสินธุ์ออกจากมณฑลอีสานมาขึ้นกับมณฑลร้อยเอ็ด แบ่งเป็น 3 จังหวัด คือ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม และกาฬสินธุ์
จนกระทั่งปีพ.ศ.2476 ทางราชการยุบจังหวัดกาฬสินธุ์มาอยู่ในปกครองของจังหวัดมหาสารคาม ครั้นถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2490 ได้แยกอำเภอกาฬสินธุ์ กมลาสัย ยางตลาด กุฉินารายณ์และสหัสขันธุ์ ขึ้นเป็นจังหวัดกาฬสินธุ์ตามเดิม อายุเมืองมหาสารคาม จากพ.ศ.2408 – 2554 รวม146 ปี
ข้อมูลอาจจะไม่สมบูรณ์หรือครบถ้วน ยินดีรับคำติชม
wachiranon@paknamubonclub.com วิทยุคลื่นแม่มูล 94.10 Mhz.ออนไลน์ทั่วโลก
***สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสาน เล่ม 1-15 ***
|